patch cable
A patch cable, also called a patch cord, is a section of cable that is used to connect an individual computer, printer or other device to a network.
แพทช์เคเบิล
แพทช์เคเบิล หรือที่เรียกว่าแพทช์ คอร์ด เป็นส่วนหนึ่งของสายเคเบิลที่ใช้ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เครื่องพิมพ์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในเครือข่าย
ความรู้เพิ่มเติม
Spam Mail
Spam (สแปม) คือ การส่งข้อความถึงผู้ที่ไม่ต้องการรับ ก่อให้เกิดความรำคาญ ละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และผิดกฏหมาย ลักษณะของสแปม คือ ไม่ปรากฏชื่อผู้ส่ง (Anonymous) ส่งโดยไม่เลือกเจาะจง (Indiscriminate) และ ส่งได้ทั่วโลก (Global) การ SPAM มีทั้ง การสแปมเมล์ (Spam Mail) และ การสแปมเว็บบอร์ด ( Spam Web Board )
Spam Mail (สแปมเมล) คือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ส่ง (ซึ่งมักจะไม่ปรากฏชื่อและที่อยู่ของผู้ ส่ง) ได้ส่งไปยังผู้รับอย่างต่อเนื่องโดยส่งจำนวนครั้งละมากๆและมิได้รับความ ยินยอมจากผู้รับ โดยการส่งสแปมเมล์ นั้นอาจมีวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์หรือไม่ก็ได้
ปัจจุบันนี้ มีการ SPAM อยู่หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น SPAM ข้อความตามเว็บไซต์และเว็บบอร์ด , SPAM MAIL , SPAM HI5 แต่สิ่งที่แต่ละคนพบเจอเป็นประจำแทบทุกวันก็คือ SPAM MAIL ซึ่งจะเห็นได้ทุกวัน เวลาเช็คMail เราจะได้เห็น E-Mail ซ้ำๆ ที่ส่งมา โดยเป็นข้อความแบบเดิมซ้ำๆ ทุกวัน โดยผู้ส่งมักเป็นคนที่เราไม่รู้จักด้วยซ้ำ
สาเหตุที่เกิด SPAM ขึ้นมา ก็คงมีต้นเหตุมาจากการโปรโมทเว็บไซต์ของตนเอง หรือโปรโมทสินค้าต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จัก เพื่อช่วยให้เกิดผลดีทางการตลาด ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และยังไม่รวมถึง บุคคลที่ทำ SEO แบบผิดวิธี หรือ ที่เรียกว่า Black Hat อีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนมีสาเหตุที่ทำให้เกิดการ SPAM ขึ้นมา ซึ่ง การ SPAM ยังมีทั้งแบบ SPAM ด้วยมือบุคคลเอง และ การใช้โปรแกรมในการทำ SPAM อีกด้วย
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราได้รับ SPAM MAIL ก็มักจะเกิดจากการใช้ E-Mail ของเราเองไปสมัครตามเว็บไซต์ต่างๆ หรือเอา E-Mail ไปใช้ด้านอื่นๆผ่านสื่อ INTERNET ก็ตาม แล้วถูกพวกทำ SPAM ไปเซฟ E-Mail ของเรามา
แนวทางการแก้ไข สำหรับผู้ที่เกิดความรำคาญและอยากหลีกเลี่ยง SPAM MAIL ที่พอจะทำได้ ก็คือ
- การพยายามไม่ทิ้ง E-Mail ไว้ตามเว็บไซต์ทั่วไปโดยไม่จำเป็น หรืออาจมีการตั้ง Option ในการซ่อน E-Mail ก็สามารถช่วยได้
- การเลือกใช้ E-Mail อย่าง G Mail ที่สามารถกรอง SPAM ได้ดีกว่าหลายๆผู้ให้บริการ E-Mail
- สำหรับองกรณ์ ออฟฟิศ หรือสำนักงานใหญ่ๆ ที่มีการเช่าระบบ Mail Server ก็ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี น่าเชื่อถือ มีระบบ ANTI SPAM MAIL ที่ดี ที่สามารถกรอง SPAM ได้สูงที่สุด
มาตรฐานของระบบเครือข่ายไร้สาย
IEEE 802.11 นั้นจะแบ่งระดับชั้นของเทคโนโลยีออกเป็น 4 ระดับ นั่นคือ
-PHY (Physical Layer หรือ ชั้นกายภาพ )
-MAC (Media Access Controller หรือตัวควบคุมการเข้าถึงสื่อ )
-OS ( ระบบปฏิบัติการ ) และ
-Application ( แอพพลิเคชั่น )
IEEE 802.11 นั้นจะแบ่งระดับชั้นของเทคโนโลยีออกเป็น 4 ระดับ นั่นคือ
-PHY (Physical Layer หรือ ชั้นกายภาพ )
-MAC (Media Access Controller หรือตัวควบคุมการเข้าถึงสื่อ )
-OS ( ระบบปฏิบัติการ ) และ
-Application ( แอพพลิเคชั่น )
โดย PHY หรือขั้นกายภาพนั้นก็คือส่วนของฮาร์ดแวร์ที่แบ่งมาตรฐานออกเป็น a, b และ g โดยหากเลือกต่างชนิดกันก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องเพราะเป็นความถี่ที่ต่างกันจะติดต่อรับส่งข้อมูลกันไม่ได้ โดยปัจจุบันในส่วนของ PHY นี้มีอยู่ทั้งสิ้น 4 มาตรฐาน คือ a, b, g และ IR ( อินฟราเรด )
มาตรฐานIEEE802.11a
รองรับอัตราความเร็วของการส่งข้อมูล เท่ากับ 6 , 9 , 12 , 18 , 24 , 36 , 48 และ 54 Mbps อัตราความเร็วจะลดลงเองอย่างอัตโนมัติขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่าง Access point กับ เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย โดยที่ความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps นั้นใช้การมอดูเลชั่นสัญญาณความถี่ย่อย แบบ 64- level QuadratureAmplitudeModulation(64QAM)
มาตรฐานIEEE802.11b
นั้นรับการตั้งชื่อใหม่ว่า Wi-Fi โดยได้รับการรับรองมาตรฐานและกำหนดรายละเอียดโดยกลุ่ม WECA หรือ wireless Ethernet Compatibility Alliance ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง 3com, Cisco Systems, Intersil, Agere Systems, Nokia และ Symbol Technologies ซึ่งปัจจุบันก็ยัง มี สมาชิกจากบริษัทต่างๆ อีกกว่า 110 บริษัทเข้าร่วมอยู่ ในมาตรฐานนี้
สำหรับรายละเอียดด้านคุณสมบัติ ของ IEEE 802.11b จะสามารถรับ - ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps โดยใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ 2.4 GHz ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ DSSS โดยย่านความถี่ที่ใช้เป็น ISM (Industrial, Scientific and Medical) band จากระดับความเร็ว ที่ ค่อนข้างต่ำ คือทำได้เพียง 11 Mbps เท่านั้น เมื่อ เทียบกับ ระบบ LAN แบบมีสาย ที่มาตรฐานปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 100 Mbps และล่าสุดมาตรฐานความเร็ว 1 Gbps กำลังเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่า IEEE 802.11b นั้น ค่อนข้าง ช้ากว่ามาก ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นความถี่วิทยุที่ 2.4 GHz ที่ IEEE 802.11b ใช้อยู่นั้นยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ร่วมใช้งานอยู่ด้วยหลายชนิด เช่น เตาไมโครเวฟ หรือ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งหากมีอุปกรณ์เหล่านี้ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับเครือข่าย IEEE 802.11b ก็จะทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลช้าลง แต่จุดเด่นก็คือการใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ค่อนข้างต่ำ เพียง 2.4 GHz นั้นทำให้ IEEE 802.11b มีระยะทางในการติดต่อระหว่างอุปกรณ์ค่อนข้างไกล ทำให้ชุดเครือข่ายไร้สายแบบ IEEE 802.11b ไม่จำเป็นต้องมีจุด รับส่งสัญญาณ หรือที่เรียกกันว่า Access Point หรือ นะ Hot Spot มากนัก ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี
มาตรฐานIEEE802.11g
จุดเด่นของ IEEE 802.11g ก็คือการใช้คลื่นความถี่วิทยุ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นสาธารณะที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เหมือนมาตรฐาน IEEE802.11b แต่ใช้เทคโนโลยีแบบ OFDM ในการส่งสัญญาณ ทำให้มีความเร็วสูงสุดมากกว่า 20 Mbps เหมือนมาตรฐาน IEEE 802.11a จุดเด่นที่สำคัญของ 802.1gก็คือสามารถใช้งานร่วมกับ802.11bที่มีอยู่แล้วได้
มาตรฐานIEEE802.11Wi-Fi
WiFi เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย LAN 802.11b ใช้หลักการทำงานไร้สาย โดยใช้จุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ติดตั้งตามจุดต่างๆ ทำให้คุณสามารถนำ Notebook ที่มี wireless lan และ CPU Intel Centrino ไปใช้ได้ทุกที่ที่ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ไว้ ให้คุณสามารถทำงานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ให้คุณใช้งานผ่านเครือข่ายในการถ่ายโอนข้อมูลและใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ที่มีสัญญาณจาก hotspot
รองรับอัตราความเร็วของการส่งข้อมูล เท่ากับ 6 , 9 , 12 , 18 , 24 , 36 , 48 และ 54 Mbps อัตราความเร็วจะลดลงเองอย่างอัตโนมัติขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่าง Access point กับ เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย โดยที่ความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps นั้นใช้การมอดูเลชั่นสัญญาณความถี่ย่อย แบบ 64- level QuadratureAmplitudeModulation(64QAM)
มาตรฐานIEEE802.11b
นั้นรับการตั้งชื่อใหม่ว่า Wi-Fi โดยได้รับการรับรองมาตรฐานและกำหนดรายละเอียดโดยกลุ่ม WECA หรือ wireless Ethernet Compatibility Alliance ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง 3com, Cisco Systems, Intersil, Agere Systems, Nokia และ Symbol Technologies ซึ่งปัจจุบันก็ยัง มี สมาชิกจากบริษัทต่างๆ อีกกว่า 110 บริษัทเข้าร่วมอยู่ ในมาตรฐานนี้
สำหรับรายละเอียดด้านคุณสมบัติ ของ IEEE 802.11b จะสามารถรับ - ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps โดยใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ 2.4 GHz ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ DSSS โดยย่านความถี่ที่ใช้เป็น ISM (Industrial, Scientific and Medical) band จากระดับความเร็ว ที่ ค่อนข้างต่ำ คือทำได้เพียง 11 Mbps เท่านั้น เมื่อ เทียบกับ ระบบ LAN แบบมีสาย ที่มาตรฐานปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 100 Mbps และล่าสุดมาตรฐานความเร็ว 1 Gbps กำลังเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่า IEEE 802.11b นั้น ค่อนข้าง ช้ากว่ามาก ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นความถี่วิทยุที่ 2.4 GHz ที่ IEEE 802.11b ใช้อยู่นั้นยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ร่วมใช้งานอยู่ด้วยหลายชนิด เช่น เตาไมโครเวฟ หรือ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งหากมีอุปกรณ์เหล่านี้ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับเครือข่าย IEEE 802.11b ก็จะทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลช้าลง แต่จุดเด่นก็คือการใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ค่อนข้างต่ำ เพียง 2.4 GHz นั้นทำให้ IEEE 802.11b มีระยะทางในการติดต่อระหว่างอุปกรณ์ค่อนข้างไกล ทำให้ชุดเครือข่ายไร้สายแบบ IEEE 802.11b ไม่จำเป็นต้องมีจุด รับส่งสัญญาณ หรือที่เรียกกันว่า Access Point หรือ นะ Hot Spot มากนัก ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี
มาตรฐานIEEE802.11g
จุดเด่นของ IEEE 802.11g ก็คือการใช้คลื่นความถี่วิทยุ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นสาธารณะที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เหมือนมาตรฐาน IEEE802.11b แต่ใช้เทคโนโลยีแบบ OFDM ในการส่งสัญญาณ ทำให้มีความเร็วสูงสุดมากกว่า 20 Mbps เหมือนมาตรฐาน IEEE 802.11a จุดเด่นที่สำคัญของ 802.1gก็คือสามารถใช้งานร่วมกับ802.11bที่มีอยู่แล้วได้
มาตรฐานIEEE802.11Wi-Fi
WiFi เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย LAN 802.11b ใช้หลักการทำงานไร้สาย โดยใช้จุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ติดตั้งตามจุดต่างๆ ทำให้คุณสามารถนำ Notebook ที่มี wireless lan และ CPU Intel Centrino ไปใช้ได้ทุกที่ที่ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ไว้ ให้คุณสามารถทำงานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ให้คุณใช้งานผ่านเครือข่ายในการถ่ายโอนข้อมูลและใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ที่มีสัญญาณจาก hotspot

